เป็น มรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยมาช้านานเพราะผูกพันกับ ประเพณีและวัฒนธรรมไทยเพื่อใช้ในงานประเพณีและงานมงคลต่าง ๆ การทำบุญเลี้ยงพระ หรือทำรับ ประทานภายในครอบครัวและเพื่อนฝูงก็ได้ซึ่งขนมไทยก็ทำไม่ยากนักอีกทั้งต้น ทุนและวัตถุดิบที่จะนำมาทำก็หาง่ายมีอยู่ในท้องถิ่น เช่น มะพร้าว แป้ง เผือก มัน กล้วย ข้าวเหนียว ฯลฯ นอกจากส่วนประกอบที่หาง่ายแล้วขนมไทยยังมีสัดส่วนการทำที่ยืดหยุ่นได้ไม่ เหมือน ขนมของต่างประเทศซึ่งวิธีการเติมส่วนผสมของขนมต่างประเทศต้องตวงให้ได้สัด ส่วนที่ถูกต้อง ถ้าวิธีการตวงส่วนผสมผิดพลาดการทำขนมชนิดนั้นก็จะไม่เป็นขนมที่เราต้องการ ส่วนขนมไทยนั้นจะอร่อยมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญซึ่งฝึกฝนได้ในเวลาไม่นานนัก
วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552
กลีบลำดวน
3. น้ามันพืช 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
กล้วยฉาบ
ส่วนผสม
1. กล้วย 10-15 ผล
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
3. น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง
4. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
5. น้ำ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- น้ำมันพืชใส่กระทะตั้งไฟให้ร้อน
- ปอกกล้วยแล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ ใส่ลงทอดในน้ำมันให้กรอบน่ากิน
- ผสมน้ำ น้ำตาลทราย เกลือป่น ลงในกระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เดือดเป็นยางมะตูม จนน้ำตาลเหนียวใส ใส่กล้วยลงคลุกน้ำตาล ปล่อยไว้จนน้ำตาลทรายแห้ง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น จัดใส่ภาชนะ
วิธีทำ
- น้ำมันพืชใส่กระทะตั้งไฟให้ร้อน
- ปอกกล้วยแล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ ใส่ลงทอดในน้ำมันให้กรอบน่ากิน
- ผสมน้ำ น้ำตาลทราย เกลือป่น ลงในกระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เดือดเป็นยางมะตูม จนน้ำตาลเหนียวใส ใส่กล้วยลงคลุกน้ำตาล ปล่อยไว้จนน้ำตาลทรายแห้ง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น จัดใส่ภาชนะ
มันรังนก
ส่วนผสม
1. มันเทศ 500 กรัม
2. น้ำมันพืช 3 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลปีบ 500 กรัม
4. แบะแซ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- มันเทศปอกเปลือกออกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กตามยาว แช่น้ำปูนใส แล้วล้างให้สะอาด ใส่กระชอนผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนใส่มันลงทอดทีละน้อย ให้กรอบเหลือง แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
- กระทะทองตั้งไฟใส่น้ำตาล ใส่น้ำ แบะแซลงเคี่ยวจนเหนียว ใสมันทอดลงไปเคล้าให้ทั่วยกกระทะลง
- แบ่งมันที่คลุกน้ำตาลไว้แล้วเป็นก้อนกลมพักไว้ให้อยู่ตัวจัดใส่ภาชนะ
วิธีทำ
- มันเทศปอกเปลือกออกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กตามยาว แช่น้ำปูนใส แล้วล้างให้สะอาด ใส่กระชอนผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนใส่มันลงทอดทีละน้อย ให้กรอบเหลือง แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
- กระทะทองตั้งไฟใส่น้ำตาล ใส่น้ำ แบะแซลงเคี่ยวจนเหนียว ใสมันทอดลงไปเคล้าให้ทั่วยกกระทะลง
- แบ่งมันที่คลุกน้ำตาลไว้แล้วเป็นก้อนกลมพักไว้ให้อยู่ตัวจัดใส่ภาชนะ
เผือกทอด
ส่วนผสม
1. เผือก 500 กรัม
2. แป้งสาลี 3/4 ถ้วยตวง
3. แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ถ้วยตวง
4. มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
5. ผงฟู 1 ถ้วยตวง
6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
7. งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำ 1 ถ้วย
10. น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกเผือกแล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 ซ.ม. ยาว 7-10 ซ.ม.
2. ร่อนแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า ผงฟูเข้าด้วยกัน แล้วใส่เกลือมะพร้าวขูดนวดให้ส่วนผสมเข้ากันดี
3. ค่อยๆเติมน้ำทีละน้อย คนให้แป้งละลาย แล้วใส่งาคั่วคนให้กระจายทั่วกัน
4. น้ำมันใส่กระทะตั้งไฟให้ร้อนใส่เผือกที่หั่นแล้ว ลงชุบแป้ง แล้วจึงใส่ลงทอดให้แป้งสุกเหลืองทั้งสิงด้าน ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
ขนมบ้าบิ่น
ส่วนผสม
1. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
2. แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
3. มะพร้าวทึนทึกขูด 3 ถ้วยตวง
4. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
5. น้ำลอยดอกไม้ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ให้น้ำเชื่อมเหนียวข้นแล้วยกลงพักไว้
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า มะพร้าวทึนทึกขูดเข้าด้วยกัน
3. ผสมแป้งกับน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน เทใส่ถาดให้หน้าขนมเรียบเสมอกัน
4. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ จนขนมสุก มีผิวหน้า ขนมเกรียมเหลืองจัดยกลงตัดเป็นรูปต่างๆ ตามต้องการ
กล้วยทอด
ส่วนผสม
1. กล้วยน้ำว้าห่ามๆ 10 ผล
2. แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง
3. แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ถ้วยตวง
4. ผงฟู 1 ช้อนชา
5. มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง
6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
7. งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำ 1 ถ้วยตวง
10. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า ผงฟู เข้าด้วยกัน ใส่เกลือ มะพร้าวขูด เคล้าเบาๆให้เข้ากัน
2. ค่อยๆ เติมน้ำทีละน้อย คนจนแป้งละลายดีใส่งาคั่วคนให้ทั่วกัน
3. ปอกกล้วยทีละลูก แล้วแบ่งกล้วยออกเป็น 3 ส่วนตามยาว ใส่ลงในชามแป้งที่ผสมไว้ชุบแป้งให้ติดทั่วทั้งชิ้น
4. น้ำมันใส่กระทะกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่กล้วยที่ชุบแป้ง แล้วลงทอดจนแป้งเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
กาละแม
ส่วนผสม
1. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
2. แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
4. หัวกะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง
5. กาบมะพร้าวเผา
วิธีทำ
1. ตำกาบมะพร้าวที่เผาไว้ให้แหลกใส่น้ำลงไป 1 ถ้วยตวงคนให้น้ำสีดำออกแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
จะได้น้ำสีดำทำจากกาบมะพร้าว
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว เข้าด้วยกันในกระทะทอง ใส่น้ำสีดำ นวดแป้งให้เนียนผสมน้ำตาลทรายหัวกะทิคนให้เข้ากัน
3. ยกส่วนทั้งหมดตั้งไฟอ่อนๆ กวนแป้งให้เหนียวและล่อนออกจากกระทะจึงยกลง
4. เตรียมถาดสำหรับใส่ขนมทาน้ำมันพืชให้ทั่วเทขนมที่กวนไว้ลงในถาดเกลี่ยให้เรียงเสมอกัน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงตัดเป็นชั้นสี่เหลี่ยม ตามต้องการ
ข้าวตู
ส่วนผสม
1. ข้าวตาก 1 ถ้วยตวง
2. น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง
3. มะพร้าวทึนทึกขูดละเอียด 1 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกไม้
วิธีทำ
1. น้ำข้าวตากมาคั่วให้เหลืองกรอบแล้วนำไปป่นให้ละเอียดร่อน แล้วป่นอีกครั้งให้ละเอียดดี
2. ผสมน้ำตาลกับน้ำตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย แล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบางใส่กระทะทองตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาล เหนียว
3. ใส่มะพร้าวขูดลงกวนกับน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ ยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็น
4. ใส่ข้าวคั่วที่ป่นละเอียดแล้วลงคลุกกับน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่ว
5. เอาขนมอัดใส่พิมพ์ แล้วเคาะออกใส่ขวดโหลหรือภาชนะเก็บไว้
ขนมโสมนัส
ส่วนผสม
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
3. มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง
4. น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วยตวง
5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ใส่มะพร้าวที่ ขูดไว้ลงในถาด เกลี่ยให้บางเสมอกัน นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศา จนมะพร้าวแห้งกรอบ นำออกจากถาดปล่อยพักไว้ให้เย็น
2. ตีไข่ขาวให้ขึ้นจนไข่ตั้งยอด แล้วใส่น้ำตาลทีละน้อย เมื่อน้ำตาลหมดใส่เกลือตีต่อไปจนไข่ตั้งยอดอีกครั้ง
3. เทมะพร้าวที่อบแห้งแล้วลงในไข่เคล้าเบาๆให้เข้ากัน
4. ตักขนมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วเป็นก้อนกลม วางลงบนถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆ นำเข้าอบที่อุณหภูม 250 องศา จนขนมแห้งกรอบดี แซะออกจากถาดผึ่งไว้ให้เย็น
ขนมถ้วยฟู
ส่วนผสม
1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
3. น้ำลอยดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง
4. ยีสต์ 1 ช้อนชา
5. ผงฟู 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ใส่ยีสต์ลงไปในแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำลอดอกไม้ทีละน้อน นวดจนแป้งนิ่มเนียน
2. ใส่น้ำตาลและน้ำทั้งหมดลงในแป้ง ใส่ผงฟู นวดต่อไป ปิฝาครอบไว้ 1-2 ชั่วโมง
3. เรียงถ้วยตะไลลงในรังถึงนึ่งในน้ำเดือดจนถ้วยร้อนประมาณ 5 นาที
4. ตักขนมที่ผสมไว้ลงในถ้วยตะไลพอเต็มปิดฝานึ่งให้สุกประมาณ 10-15 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น แล้วจึงแกะออกจากถ้วย
ขนมนางเล็ด
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว
2. น้ำตาลทราย 1 ชต.
3. เกลือ 1/4 ชช.
4. น้ำแตงโม 2 ชต.
5. น้ำสะอาด 2 ชต.
6. น้ำผึ้ง 1 ชช.
7. น้ำตาลปึก 2 ก้อน
วิธีทำ
1.นำข้าวเหนียวไปแช่น้ำร้อนไว้ประมาณ 1-2 ชม. ค่ะ จากนั้นก็นำไปนึ่งจนสุก ใช้เวลานึ่งประมาณ 20-30 นาทีค่ะ
2.ระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก เราก็ไปนำน้ำแตงโม น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน พักไว้ก่อนค่ะ พอข้าวเหนียวสุกปุ๊บ ยกลง เทใส่ชามผสม แล้วก็เทน้ำแตงโมตามลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันค่ะ
3.จากนั้นเราก็หาฝาพลาสติก หรืออะไรก็ได้ค่ะที่มีลักษณะกลมๆ ก้นตื้นๆ ขนาดเล็กใหญ่ตามชอบ นำข้าวเหนียวไปใส่ในพิมพ์ให้ ทั่วพยายามทำ ให้บางๆ อย่าให้หนาและติดกันมากนะคะ เดี๋ยวตอนทอดจะไม่พองกรอบเท่าที่ควรค่ะ ทำรูปร่างเสร็จก็เอาไปใส่ถาด เรียงกันไว้ค่ะ
4.เมื่อปั้นเสร็จแล้วจับอาบแดดสัก 1-2 แดดหรือจนแห้งสนิทน่ะค่ะ แต่เราหาแดดไม่ได้ เลยต้องจับไปอบในในเตาอบค่ะ ใช้ความร้อน 80ซี อบลมร้อนประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็แห้งแล้วค่ะ อ้อ.. ตอนอบก็กลับด้านมันด้วยนะคะ จะได้แห้งเสมอกันทั้งสองด้านค่ะ
5.เมื่อข้าวเหนียวแห้งได้ที่ เราก็นำมาทอดในน้ำมันร้อน ใช้ไฟกลางนะคะ ทอดให้พองสวยทั้งสองด้าน แล้วก็ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันค่ะ
6.พอทอดเสร็จแล้วเราก็ไปทำน้ำตาลโรยหน้าขนมกันค่ะ โดยใส่นำสะอาดกับน้ำตาลปึกใส่หม้อตั้งไฟ คนเรื่อยๆ พอน้ำตาลละลายและเหนียวดีก็ ยกลง เติมน้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน พักให้เย็นสัก 2 นาที แล้วจึงนำน้ำตาลไปโรยหน้านางเล็ดค่ะ พอน้ำตาลจับตัวกันดีก็นำไปใส่กล่องพลาสติก หรือถุงพลาสติกปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ได้นานประมาณ 2-4 สัปดาห์ค่ะ
ข้าวต้มมัด
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียวแช่น้ำไว้แล้ว 2 ถ้วยตวง
2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
4. เกลือป่น 2 ช้อนชา
5. กล้วยน้ำหว้าสุก 8 ลูก
6. ใบตองสำหรับห่อ
วิธีทำ
1. ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทรายเกลือลงในกระทะทอง ตั้งไฟอ่อนๆ คนพอน้ำตาลละลาย เคี่ยวต่อสักครู่
2. ใส่ข้าวเหนียวผัดกับกะทิด้วยไฟอ่อนๆ จนกะทิแห้งยกลงจากเตา
3. ปอกกล้วยผ่าครึ่งตามยาวเตรียมไว้
4. ฉีกใบตองวางซ้อนกันวางข้าวเหนียวใส่กล้วยวางข้าวเหนียวทับอีกครั้งให้มิดกล้วย แล้วห่อให้แน่นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 45 นาที
ขนมผิง
ขนมไทยกลิ่นหอม รสหวาน กินแล้วละลายในปากทันที มีสีน้ำตาลอ่อน เก็บไว้กินได้นานวัน แต่ปัจจุบันนี้ขนมผิงมีทั้งสีขาวนวล สีเขียวอ่อน และสีชมพูอ่อน เนื้อแป้งก็ทำแข็งขึ้น เพราะถ้าทำเป็นขนมผิงโบราณ เมื่อบรรจุถุงขายขนมจะแตกง่าย
ขนมผิงโบราณ ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาและประสบกาณ์ จึงจะทำได้ลักษณะดี คือกินแล้วต้องละลายในปากทันที ซึ่งมีข้อระวังหลายประการ ประการแรกต้องเลือกส่วนผสมที่ดี อย่างแป้งมันก็ต้องใช้อย่างดี ไข่ไก่ต้องสดใหม่ กะทิก็ต้องคั้นใหม่ๆ จึงจะหอมมัน และออกรสหวานเล็กน้อย